ทำไม " ปวดตา " ถึงทำให้ " ปวดหัว " ?

👁️ทำไม " ปวดตา " ถึงทำให้ " ปวดหัว " ?

การที่เรารู้สึก " ปวดหัว " หลังจากใช้สายตาหนัก ๆ เช่น เพ่งมองหน้าจอ อ่านหนังสือนาน ๆ

ทำให้เกิดอาการตาล้า ปวดตา ส่งผลให้ “ ปวดหัว ” ได้

เป็นเพราะ…

🧠กล้ามเนื้อตาและระบบประสาททำงานร่วมกัน

เวลาที่เรามอง สมองจะประมวลผลภาพจากดวงตาตลอดเวลา

เมื่อกล้ามเนื้อตาล้าจากการเพ่ง หรือใช้งานนานเกินไป

ส่งผลให้สมองทำงานหนักด้วย จึงเกิดอาการปวดหัวตามมา

ถ้าเราต้องมองอะไรนาน ๆ เช่น ทำงานมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน

ควรพักสายตาทุก 20 นาที ด้วยการมองไกล 20 ฟุต นาน 20 วินาที

👓สายตาผิดปกติ เช่น สายตาสั้น ยาว หรือเอียง

ถ้าคุณมีปัญหาสายตา แต่ไม่ได้รับการแก้ไข เช่น ไม่ใส่แว่น หรือ ใส่แว่นไม่ตรงกับค่าสายตา

สมองจะสั่งให้ตาเพ่งมากขึ้น เพื่อให้มองเห็นชัด ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนักมากขึ้น

ส่งผลให้เกิดอาการปวดตาและปวดหัว

ดังนั้น จึงควรตรวจวัดสายตาอย่างสม่ำเสมอ และใช้แว่นที่มีค่าสายตาถูกต้อง

👩‍💻ใช้สายตาติดต่อกันนานเกินไป เช่น จ้องหน้าจอโทรศัพท์ คอมพิวเตอร์

การมองหน้าจอนาน ๆ โดยไม่พักสายตา

ทำให้กล้ามเนื้อตาอ่อนล้า น้ำตาแห้ง และเกิดอาการตาล้า

ซึ่งจะลามไปเป็นอาการปวดหัวได้

ถ้าต้องใช้หน้าจอทั้งวัน ควรปรับความสว่างหน้าจอให้พอดี หลีกเลี่ยงแสงสะท้อน และพักสายตาบ่อย ๆ

หากคุณมีอาการปวดตาและปวดหัวบ่อย ๆ จนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน

ควรปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และรับการดูแลและรักษาอย่างเหมาะสม

📍𝐈𝐒𝐎𝐏𝐓𝐈𝐊 ศูนย์เลนส์โปรเกรสซีฟเฉพาะบุคคลอย่างยิ่งยวด ไอซอพติก หนึ่งเดียวในไทย

เราพร้อมให้บริการตรวจวัดสายตาโดย

- นักทัศนมาตรผู้เชี่ยวชาญควบคุมการตรวจวัดสายตา

- ตรวจสุขภาพดวงตาโดยจักษุแพทย์

- วัดสายตาด้วยเครื่อง Auto Refractometer และ Retinoscope

- ออกแบบโครงสร้างเลนส์เฉพาะบุคคลทุกคู่ โดยปรมาจารย์โบบิ ผู้ที่มีประสบการณ์การทำแว่นตามากว่า 50 ปี และทำเลนส์ไม่ต่ำกว่า 100,000 คู่

- ให้ความสำคัญหลังการขาย รับประกันความพึงพอใจในการใช้งานจริง สูงสุด 180 วัน